วัดเขาพระอังคาร จ.บุรีรัมย์


วัดเขาพระอังคาร  เป็นวัดที่มีวัตถุธรรมความสวยงามของวัดพุทธศิลป์สร้างมานานในยุคที่ขอมเรืองอำนาจความสวยงามของวัดพุทธศิลป์ผสมศิลป์ขอม  แนวเดียวกันกับปราสาทหินเขาพนมรุ้ง  ส่วนสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างที่เห็นในวัดปัจจุบัน  ส่วนใหญ่สร้างใหม่ทับของเก่า   มีโบสถ์ที่ประยุกต์จากสถาปัตยกรรมหลายสมัย ดูสวยงามแปลกตา เป็นวัดที่สวยงามใหญ่โตแห่งหนึ่งของบุรีรัมย์ มีโบสถ์ ศาลา และอาคารต่างๆ

ลักษณะเด่น  เป็นวัดที่สร้างเลียนแบบสถาปัตยกรรมสมัยต่างๆ หลายรูปแบบงดงาม แปลกตาและน่าสนใจยิ่ง ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังและเรื่องราวพุทธชาดกเป็นภาษาอังกฤษด้วย บริเวณวัดเป็นปากปล่องภูเขาไฟคาดว่าเคยเป็นที่ตั้งของโบราณสถานสมัยทวารวดีเพราะเสมาหินแกะสลักสมัยดังกล่าวหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก  วัตถุธรรมความสวยงามของวัดเขาพระอังคาร  ด้านพุทธศิลป์เน้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สร้างศรัทธาต่อผู้มาเยือน  ได้แก่   ๑. โบสถ์ 3 ยอด สวยงามแปลกตา  แตกต่างจากโบสถ์วัดทั่วไป  โบสถ์ทรงแปลก ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์  และโบสถ์ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธชาดกเป็นภาษาอังกฤษ ๒. ใบเสมาพันปี  ศาสนสถานและโบราณวัตถุอันล้ำค่า มีใบเสมา 8 คู่ ตั้งอยู่ 8 ทิศอย่างองอาจ  ๓.  พระพิฆเนศงาเดียว   ๔. พระพุทธ 109 องค์

๕. พระตำหนักศักดิ์สิทธิ์

๖. เทวรูปเจ้าเมืองขอม

๗.  พระปางนาคปรกนอกโบสถ์

๘. รอยพระพุทธบาทจำลอง  มีรอยพระพุทธบาทจำลองปรากฏชัด สันนิษฐานว่าโบราณวัตถุเหล่านี้น่าจะสร้างในยุคเดียวกับปราสาทหินพนมรุ้ง หรือมากกว่า 2,000 ปี

๙. พระคันธารราษฎร์

๑๐. พระนอนกลางแจ้ง

๑๑. ปล่องภูเขาไฟ

๑๒. ถ้ำกรรมฐาน

สิ่งที่โดดเด่นคือประติมากรรมการก่อสร้างโบสถ์ ศาลา และอาคาร เลียนแบบสถาปัตยกรรมสมัยต่างๆ หลายรูปแบบและลักษณะเด่นตั้งอบู่บนเขาอังคารเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วอีกลูกหนึ่งในบุรีรัมย์ มีเส้นทางศึกษาเรียนประเด็นใหม่นอกจากประเด็นวัดพุทธศิลป์  สามารถศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างปราสาท  เนื่องจากห่างจากปราสาทพนมรุ้ง 20 กิโลเมตร โดยลงมาจากพนมรุ้ง ถึงบ้านตาเป็กแล้วเลี้ยวซ้ายมาตามทางที่จะไปละหานทรายประมาณ 13 กิโลเมตรแล้วเลี้ยวขวาเข้าทางลูกรังอีกประมาณ 7 กิโลเมตรพบโบราณสถานเก่าแก่ และใบเสมาหินทรายสมัยทวารวดีสำคัญหลายชิ้น

ความเป็นมาของภูเขาพระอังคาร

ภูเขาพระอังคาร เดิมชื่อ ภูเขาลอย เหตุที่เรียกว่าภูเขาพระอังคาร เพราะตามประวัติลายแทงธาตุพนม กล่าวไว้ว่า เมื่อ พ.ศ. 8  ได้มีพญาทั้ง 5 ได้นำพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้าไปบรรจุที่พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยมีพระมหากัสสปะเถระและพระอรหันต์ 500 องค์ เป็นประธาน อีกพวกหนึ่งได้นำพระอังคารธาตุของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐานบรรจุไว้บนภูเขาลอย

ตามประวัติว่าตามที่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่ปรินิพพานแล้วที่เมืองกุสินารา หลังจากถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว โทณพราหมณ์ได้แจกพระธาตุไป 8 พระนครแล้ว อยู่มามีเมือง ๆ หนึ่งไปขอพระธาตุทีหลังเขาพอดีพระธาตุได้แจกไปหมดแล้ว โทณพราห์มจึงเอาทะนานทองตวงเอาธาตุพระอังคาร (ขี้เถ้า) ให้มา  เมื่อได้พระอังคารธาตุจึงได้เดินทางกลับมาทางทิศอิสานใต้ พอถึงภูเขาลูกนึงคือภูเขาลอย มีรูปลักษณะสวยงามรูปร่างเหมือนรูปพญาครุฑนอนคว่ำหน้า จึงมีความคิดว่าน่าจะนำพระอังคารธาตุบรรจุไว้ที่แห่งนี้  เมื่อลงความเห็นเป็นอันเดียวกันแล้ว  จึงได้สร้างสถานที่บรรจุพระอังคารธาตุไว้ที่ไหล่ข้างซ้ายของพญาครุฑและเปลี่ยนชื่อภูเขาลอยเป็นภูเขาพระอังคาร ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 

ที่ตั้ง 

วัดเขาพระอังคาร  บ้านเจริญสุข ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เป็นวัดที่สร้าง     มานานในยุคที่ขอมเรืองอำนาจแถวนี้  น่าจะสร้างในยุคเดียวกันกับปราสาทหินเขาพนมรุ้ง

ส่วนสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างที่เห็นในวัดปัจจุบัน  ส่วนใหญ่สร้างใหม่ทับของเก่า  ตัววัดตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 ก.ม.  ตั้งอยู่บนยอดเขาพระอังคารซึ่งสูงประมาณ 320 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีโบสถ์ที่ประยุกต์จากสถาปัตยกรรมหลายสมัย ดูสวยงามแปลกตา เป็นวัดที่สวยงามใหญ่โตแห่งหนึ่งของบุรีรัมย์ มีโบสถ์ ศาลา และอาคารต่างๆ

เป็นวัดที่สร้างเลียนแบบสถาปัตยกรรมสมัยต่างๆ หลายรูปแบบงดงาม แปลกตาและน่าสนใจยิ่ง ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังและเรื่องราวพุทธชาดกเป็นภาษาอังกฤษด้วย บริเวณวัดเป็นปากปล่องภูเขาไฟคาดว่าเคยเป็นที่ตั้งของโบราณสถานสมัยทวารวดีเพราะเสมาหินแกะสลักสมัยดังกล่าวหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก

เขาอังคารเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วอีกลูกหนึ่งในบุรีรัมย์ อยู่ในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากปราสาทพนมรุ้ง 20 กิโลเมตร โดยลงมาจากพนมรุ้ง ถึงบ้านตาเป็กแล้วเลี้ยวซ้ายมาตามทางที่จะไปละหานทรายประมาณ 13 กิโลเมตรแล้วเลี้ยวขวาเข้าทางลูกรังอีกประมาณ 7 กิโลเมตรพบโบราณสถานเก่าแก่ และใบเสมาหินทรายสมัยทวารวดีสำคัญหลายชิ้น

ลักษณะทั่วไป   

ลักษณะทั่วไปภูเขาพระอังคารเขาพระอังคารเป็นประเภทเนินลาวาบซอลท์ปากกรวยภูเขา เกิดจากการประทุของภูเขาไฟ มีปากปล่องใหญ่อยู่ที่เขากระดูก และมีปากปล่องเล็กอีกหลายแห่ง การประทุของภูเขาไฟเกิดขึ้นในยุคควอเทอร์นารีหรือประมาณ 700,000 ปีมาแล้ว ซากภูเขาไฟถ้ามองระยะไกลจะมีลักษณะเป็นเนินเขาแผ่กว้างเป็นแนวยาวเหนือใต้ ถ้ามองจากที่สูงจะเห็นเป็นรูปคล้ายพญาครุฑที่กำลังกระพือปีกหรือคว่ำหน้า หันหัวไปทางทิศใต้มีขุนเขาเขียวขจี คือหมู่บ้าน ถาวร อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนที่ลำตัวที่ต้นปีกซ้ายคือที่โบราณวัตถุและพระอังคารธาตุของพระพุทธเจ้า มีปีกซ้ายเป็นเนินเขายื่นไปทางทิศตะวันออก คือหมู่บ้านเจริญสุข  อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์  ส่วนหางยื่นไปทางทิศเหนือทางบ้านสวายสอ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ภูเขาพระอังคารมียอดสูง 331 เมตร จากระดับน้ำทะเล ปกคลุมพื้นที่ประมาณ 90 ตารางกิโลเมตร

 

ความสำคัญของภูเขาพระอังคาร

เป็นแหล่งศึกษาด้านธรณีวิทยาเกี่ยวกับภูเขาไฟและมีความสำคัญเกี่ยวกับโบราณคดี ยังมีทรัพยากรหินที่สำคัญ ทรัพยากรป่าไม้หลากหลายพันธุ์ รวมทั้งยังเป็นแหล่งศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ   ศาสนา และวิวัฒนาการในการสร้างศาสนสถานด้วยน้ำมือมนุษย์อย่างแท้จริง ในสมัยโบราณของบรรพบุรุษของชาวอิสานใต้

 

โบราณสถาน

วัดเขาพระอังคาร  ตั้งอยู่บนเขาพระอังคาร  บ้านสายบัว  หมู่ที่  14  ตำบลเจริญสุข  อำเภอเฉลิมพระเกียรติ  จังหวัดบุรีรัมย์  ใช้ทางหลวงหมายเชย  24  ตรงไปจนถึงสามแยกไฟแดงโรงเรียนบ้านตะโก  แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหมายเลข  2117  ผ่านบ้านดอนหนองแหน  ตรงไปบ้านโคกหัวเสือ  จะพบป้อมยามสามแยกโคกกรวด  (ตู้ยามราษฎรร่วมใจ) ให้เลี้ยวขวา แล้วตรงไปถึงหมู่บ้านเจริญสุข  แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านถนนเจริญสุขรวมมิตรเส้นกลางหมู่บ้านไปประมาณ  5  กิโลเมตรก็จะถึงเขาพระอังคาร

 

ประวัติวัดเขาพระอังคาร

          บนวัดเขาพระอังคารมีโบราณวัตถุศักดิ์สิทธิ์ควรแก่การสักการบูชา  คือพระอังคารธาตุ  รอยพระพุทธบาทจำลอง  ใบเสมาศิลาแลง 8  คู่  8  ทิศ  แผ่นเสมาศิลาแลงแกงสลักเป็นรูปต่าง ๆ รูปเสมาธรรมจักรอันเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา  สร้างเมื่อสมัยใดไม่มีใครทราบ  แต่สันนิษฐานว่าสร้างก่อนปราสาทเขาพนมรุ้ง  ในสมัยที่ขอมเรืองอำนาจและนับถือศาสนาพราหมณ์  อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พระพุทธศาสนาถูกอิทธิของศาสนาพราหมณ์เขาครอบครอง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ขาดการทำนุบำรุงรักษาจากผู้คนมานับเป็นพัน ๆ ปี

ต่อมาเมื่อปี  พ.ศ. 2471 หลวงพ่อก้อน ยโสธโร วัดโพธาราม บ้านผักหวาน ตำบลถนนหัก อำเภอนางรอง  ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูโสภณธรรมคุต ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอนางรองได้นำพระภิกษุสามเณรและญาติโยมบ้านผักหวาน มาสร้างศาลาเก็บรอยพระพุทธบาทจำลองเพื่อทำบุญเดือน 6 เป็นประจำทุกปี

พ.ศ. 2494  พระครูโสภณธรรมคุตได้มรณภาพลง  โบราณสถานวัตถุก็ขาการทะนุบำรุง  จะมีแต่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง  เช่น  บ้านเจริญ  บ้านหนองสะแก  บ้านป่ารังมาทำบุญตักบาตรเพื่อทำพิธีบวงสรวงขอฝนทุกปี

พ.ศ. 2497  หลวงพ่อบุญมา  ธมฺมโชโต  เจ้าอาวาสวัดเจริญสุข ได้นำญาติโยมบ้านเจริญสุขและญาติโยมบ้านใกล้เคียงมาทำถนนขึ้นไปบนเขาพระอังคาร  เพื่อสะดวกในการเดินทางขึ้นไปทำบุญบนเขาพระอังคารในเดือน  10  โดยใช้เกวียนเป็นพาหนะ

พ.ศ. 2500 หลวงพ่อบุญมา ธมฺมโชโต  ได้ไปศึกษาปฏิบัติธรรมสมถกัมมัฏฐานและวิปัสนากัมมัฏฐาน  ที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ เมื่อกลับมา  รับนิมนต์จากผู้ใหญ่และข้าราชการให้ไปจัดสร้างสำนักปฏิบัติธรรมที่วัดเขากระโดง  จังหวัดบุรีรัมย์  ก่อนไปหลวงพ่อบุญมาได้ทำนายไว้ว่าตัวท่าน     บุญบารมียังน้อย ไม่สามารถจะสร้างเขาพระอังคารให้เจริญรุ่งเรืองได้  ต่อไปจะมีผู้มีบุญบารมีมาสร้างเขาพระอังคารให้เจริญรุ่งเรืองได้  หินก็จะขายได้และจะมีพาหนะยวดยานขึ้นลงมากมาย

หลักจากนั้นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์บนเขาพระอังคารจึงรกร้าง ขาดผู้ดูแลรักษา  ปีหนึ่งจะมีเฉพาะชาวบ้านใกล้เคียงขึ้นไปทำบุญตักบาตร  ทำพิธีบวงสรวงขอฝนปีละครั้ง

พ.ศ. 2520 พระอาจารย์ปัญญา  วุฒิโส  จากสำนักถ้ำผาแดง  จังหวัดอุดรธานี  ได้นั่งปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน  ได้นิมิตเห็นหลวงปู่วิริยะเมฆซึ่งเป็นผู้สำเร็จอรหันต์ ประทับอยู่บนเขาพระอังคารมาอาราธนาท่านให้ไปทำการก่อสร้างปฏิสังขรณ์ปูชนียวัตถุอันล้ำค่า  มีพระอังคารธาตุ  ใบเสมาศิลาแลง 8 คู่ 8 ทิศ และรอยพุทธบาทจำลองเพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา  สืบทอดประเพณีของพุทธองค์ให้เจริญรุ่งเรืองให้แล้วเสร็จภายใน  10  ปี

ในเดือนมกราคม  พ.ศ. 2520 พระอาจารย์ปัญญา  วุฒิโส  ได้เดินธุดงค์มายังเขาพระอังคาร  ก็ได้พบเห็นโบราณวัตถุตามที่หลวงปู่วิริยะเมฆนิมิตให้ทุกอย่างจึงได้จัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมเรื่อยมาและมีญาติโยมจากหมู่บ้านใกล้เคียงและต่างจังหวัดมารักษาศีลปฏิบัติธรรมอยู่ประจำเสมอมา

ปัจจุบันเขาพระอังคารได้จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานและโบราณวัตถุของจังหวัดบุรีรัมย์อีกแห่งหนึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนชาวพุทธและนักเรียนจากโรงเรียน   ต่าง ๆ ได้ไปเข้าค่ายพุทธบุตรที่วัดเขาพระอังคาร  เป็นที่ท่องเที่ยวของอำเภอเฉลิมพระเกียรติเพราะมี สิ่งก่อสร้างประยุกต์หลายสมัยมารวมกันไว้เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา

อุโบสถ

มีการออกแบบโดยนำศิลปะและสถาปัตยกรรมยุคสมัยต่างๆ มาผสมกลมกลืนรูปลักษณ์อุโบสถคล้ายปรางสามยอด  มียอดเจดีย์แต่ละองค์ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม  ลดหลั่นกันไป  กึ่งกลางของฐานแต่ละชั้นทำเป็นชั้นทำเป็นซุ้มเรือนแก้วประดับอย่างสวยงามที่น่าสนใจ  คือมีพระประธานพระพุทธรูปปางมารวิชัย

โบราณวัตถุเก่าแก่และสิ่งก่อสร้างใหม่

  1. ใบเสมาหินแกะสลักรอบอุโบสถทำจากหินศิลาแลง 8 คู่ 8 ทิศ ขนาดสูง 108 ถึง 210 เซนติเมตร  เป็นศิลปะขอมแบบไพรกเม็ง  สันนิษฐานว่ามีอายุราวพุทธศตวรรษที่  13-14  เกือบทุกหลักสลักเป็นเทวรูปยืนถือดอกบัว  แต่งกายตามแบบความนิยมของคนในยุคนั้นคือนุ่งผ้าสั้นมีชายพกด้านขวา  เทรูปส่วนใหญ่มีลักษณะไม่สมบูรณ์เพราะถูกขโมยลักลอบสกัดเอาภาพพระพักตร์ออกไป  จึงได้ใช้ปูนปั้นพอกซ่อมแซมไว้แต่ก็ยังเหลือใบเสมาที่ค่อนข้างสมบูรณ์ให้ชม  ใบเสมาสลักเป็นรูปทิพยบุคคลหรือเทวรูปในพระพุทธศาสนานิกายมหายานประทับยืนบนแท่นสี่เหลี่ยมด้านหลังมีพัดโบก และมีฉัตรอยู่ด้านบน
  2. รอยพระพุทธบาทจำลองไม่ทราบหลักฐานการสร้าง
  3. พระอังคารธาตุเป็นสิ่งที่ควรสักการบูชาได้ประดิษฐานไว้บนอุโบสถ
  4. พระพุทธรูปปางมารวิชัยรอบอุโบสถ 108 องค์
  5. ตำหนักหลวงปูวิริยะเมฆ
  6. พระนอนขนาดใหญ่ 1 องค์
  7. มณฑปประดิษฐานพระพุทธรูป
  8. พระมหากัจจายนะ
  9. ศาลาเจ้าแม่กวนอิม
  10. ศาลาปฏิบัติธรรม