วัดเขาจันทร์งาม จ.นครราชสีมา


ประวัติวัดเขาจันทร์งาม

วัดเขาจันทน์งาม หรือ สำนักสงฆ์เขาจันทน์งาม  เดิมชื่อ วัดเลิศสวัสดิ์ เป็นสถานที่เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสงฆ์และฆราวาสผู้ทรงศีล เป็นวัดป่าที่บรรยากาศสงบเงียบ ร่มเย็น ตั้งอยู่ในส่วนหนึ่งของ เขาจันทน์งาม บน เทือกเขาเขื่อนลั่น บ้านเลิศสวัสดิ์ ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว ห่างจากหมู่บ้านราว 5 กม.

จุดเด่นของวัดนี้ ที่มีชื่อเสียงได้แก่ ภาพเขียนสีโบราณ ที่มีอายุกว่า 4,000 ปี ดังนั้น เพื่อไปให้ได้เห็นกับตา เรามาท่องเที่ยวและสำรวจ วัดเขาจันทร์งาม กันครับ…..หากใครได้มาที่วัดแห่งนี้แล้ว ก้าวแรกที่ลงจากรถ จะรู้สึกได้ถึงความร่มเย็น และสงบเงียบ จากภูมิประเทศโดยรอบของวัดแล้ว บริเวณนี้น่าจะเคยเป็นที่อยู่ของคนยุคโบราณ เนื่องจากเป็นบริเวณของรอยแยกหิน เป็นลักษณะร่องเขา คล้ายกับแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุคหิน หรือยุคก่อนประวัติศาสตร์ จากที่จอดรถ จะมีทางเดินเป็นทางปูนซีเมนต์  เดินขึ้นเขาประมาณ 100 เมตร ผ่านป่าและต้นไม้สองข้างทางอันหนาแน่น และร่มเย็น ซักพักจะมีทาง 3 แยก มีรูปปั้นพระสิวลี และพระปรางค์ประทานพร อยู่ให้เราได้กราบไหว้ เปรียบเสมือนด่านแรก ในการเข้าสู่เขตแห่งพระพุทธศาสนา

ถ้าเราไปทางซ้าย ก็จะเป็นเส้นทางไปสักการะพระประธานภายในอุโบสถ และมีพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุในผอบ 3 องค์ ด้านหน้าพระประธาน ให้ได้สักการะ

แต่ถ้าจะไปดูรูปเขียนสี ให้เลี้ยวขวา เดินไปอีกประมาณ 30 เมตร จะพบกับทางเข้าไปชมภาพเขียนสี หน้าทางเข้ามีป้ายบอกประวัติการค้นพบ เนื้อหาโดยรวมกล่าวว่า  จากการสำรวจในปี 2526  ทำให้พบแหล่งโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคอีสาน ได้แก่ ภาพเขียนสี บริเวณที่ปรากฏภาพเขียนสีเป็นเพิงผาหินทรายขนาดใหญ่ ตัวภาพอยู่สูงจากพื้นประมาณ 3 – 4 เมตร  จากการศึกษาลักษณะภาพเขียนสีดังกล่าว พบว่า ภาพเขียนสีด้วยสีแดง เพื่อเล่าเรื่องราว กิจกรรมของมนุษย์ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ราว 3,000 – 4,000 ปี มาแล้ว ประกอบด้วย ภาพมนุษย์ 32 ภาพ แบ่งเป็นผู้ชาย 28 ภาพ ผู้หญิง 2 ภาพ เด็ก 1 ภาพ  ภาพสัตว์ที่สำคัญคือ ไก่ หรือ นก  ภาพสัตว์คล้ายเม่น  ภาพสัตว์คล้ายเสือและสิงโต ภาพสุนัข ภาพอาวุธ 1 ภาพ ได้แก่ คันธนูและลูกศร

เมื่อเดินเข้ามาแล้ว จะพบร่องหิน และต้นไม้ที่มีรากยาว พัน เกาะเกี่ยวกับก้อนหินขนาดใหญ่ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ต้องอาศัยระยะเวลากว่า 100 ปี เป็นอย่างน้อย จึงจะสร้างสิ่งเหล่านี้ได้ สวยงามและยิ่งใหญ่มาก

ผ่านจุดนี้ไป ทางขวา จะเป็นเวิ้งกว้าง มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นตรงกลาง สูงตระหง่านทะลุผ่านกำแพงภูเขา คล้ายถ้ำเล็กๆ หากดูภายนอกจะไม่สามารถมองเห็นภาพเขียนโบราณได้ ต้องเดินเข้าไปอยู่บริเวณกลางห้อง กลับหลังหัน จะเห็นภาพเขียนอยู่ด้านบนฝั่งซ้ายสูงประมาณ 5 เมตร

ภาพเขียนสีโบราณนี้ เป็นภาพเขียนสีด้วยสีแดง มีทั้งภาพลงสีแบบเงาทึบและภาพร่างรูปคน แสดงให้เห็นผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และสัตว์ ที่แสดงถึงวิถีชีวิตของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ราว 3,000-4,000 ปีมาแล้ว ศิลปะถ้ำแห่งนี้มีการเขียนภาพลงสีที่ปรากฏจำนวน 12 กลุ่ม มีภาพกลุ่มคน สัตว์ ทั้งแบบเงาทึบ ภาพร่าง ภาพลายเส้น ที่ยังไม่สามารถแปลความหมายได้อีกจำนวนหนึ่ง ภาพเด่นๆคือ ภาพคนที่มีทั้งชาย หญิง และเด็กที่อยู่ในลักษณะต่างๆ เช่น นั่ง เต้นรำ ยืน และยิงธนู  นอกจากนี้ ในบริเวณนี้ยังมีพระพุทธรูปประจำพื้นที่ ให้เราได้สักการะ แล้วก็มีทางเดินที่มีก้อนหินหล่นมาค้างอยู่ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ นอกจากภาพเขียนสีแล้ว ทางวัดยังมีรอยพระพุทธบาทจำลอง เห็นเขียนไว้ว่า รอยพระพุทธบาท 4 รอย  “เป็นยังไง”  ทำให้เราต้องเดินทางต่อไปเพื่อให้ได้คลายข้อสงสัยกันครับ

เมื่อเราเดินลัดเลาะผ่านธรรมชาติและป่าขึ้นไปบนเขาอีกประมาณ 80 เมตร ผ่านขวามือจะพบภาพสลักบนหินทราย เป็นรูป พระสังกัจจาย องค์เล็กๆ เมื่อมองไปทางด้านซ้าย มีพระปางไสยาสน์ องค์ใหญ่มหึมา แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง บนผนังหินทราย ลงสีสวยสดงดงาม

ทางด้านปลายพระบาทพระพุทธรูป มี ป้ายแกะสลัก บอกความเป็นมาของพระทั้งสององค์ไว้ แต่อ่านไม่ค่อยออก หลังจากเพ่งอยู่เป็นเวลานาน พอจะทราบว่า พระนอนนั้น ยาว 12.75 เมตร สำหรับรอยพระบาทสี่รอยนั้น จะต้องเดินขึ้นไปชมกันบนเขา ห่างไปอีก 10 เมตร  เมื่อเดินขึ้นไป จะเห็นเป็นรอยพระบาทที่กว้างใหญ่ มากกว่าที่เคยเห็นมาจริงๆ ขนาดที่บอกไว้ คือ กว้าง 5 เมตร ยาว 9.50 เมตร ที่ว่าเป็นรอยพระบาทสี่รอยนั้น คือเป็นรอยพระบาทที่ซ้อนกันเป็น 4 ชั้นจากใหญ่ลงไปเล็กซ้อนกัน เป็นหินทราย แกะกันที่พื้นหินนั่นเลย มหัศจรรย์มาก

นับว่าการแกะสลักรายละเอียดของรอยพระบาททำได้สมบูรณ์มาก ตามมุมของรอยพระบาท มีภาพสลักเทพหลากแบบ ไม่ซ้ำกัน เรียกได้ว่า หากนักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวที่วัดเขาจันทร์งามแห่งนี้แล้ว จะต้องกลับออกมาจากวัด ด้วยความชื่นตา ชื่นใจ ด้วยอาณาบริเวณวัด เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าชื่นชมแปลก ๆ สวยๆ มากมาย ทางทีมงาน Khaoyaizone อยากให้ทุกท่านได้ไปเห็นด้วยตาตนเอง แล้วท่านจะประทับใจมากกว่าเห็นจากรูปถ่ายเพียงเท่านั้น สิ่งสวยงามในประเทศเรา ยังมีอีกมากมาย  ที่รอคอยการเยี่ยมเยือนจากพวกเรา